
กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ของสถานศึกษา เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัด โดยขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ครู และเด็กวัยเรียน ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ 6 มาตรการหลัก
1) เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร 2) สวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในสถานศึกษา 3) ล้างมือด้วยสบู่และน้ำนาน 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ 4) คัดกรองวัดไข้ สังเกตอาการ ซักประวัติผู้สัมผัสเสี่ยงทุกคนก่อนเข้าสถานศึกษา 5) ลดการแออัด ลดเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มคนจำนวนมาก และ 6) ทำความสะอาด บริเวณพื้นผิวสัมผัสร่วม อาทิ ที่จับประตู ลูกบิดประตู ราวบันได เป็นต้น
6 มาตรการเสริม เพื่อความปลอดภัยในการป้องกันโรคโควิด19 1) ดูแลตนเองปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด 2) ใช้ช้อนกลางส่วนตัวเมื่อต้องกินอาหารร่วมกัน 3) กินอาหารปรุงสุกใหม่ กรณีอาหารเก็บเกิน 2 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นให้ร้อนทั่วถึงก่อนกินอีกครั้ง 4) ไทยชนะ ลงทะเบียนตามที่รัฐกำหนด ด้วยแอปพลิเคชันไทยชนะ หรือลงทะเบียนบันทึกการเข้า-ออกอย่างชัดเจน 5) สำรวจตรวจสอบ บุคคล นักเรียน และกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง และ 6) กักกันตัวเอง 14 วัน เมื่อเข้าไปสัมผัสหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดโรค
ผลกระทบจากการปิดภาคเรียนที่มีต่อตัวเด็ก ด้านพัฒนาการเด็กล่าช้ามากขึ้น เด็กอนุบาลเรียนออนไลน์ไม่ได้ เด็กในเมืองสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดมากขึ้น ร้อยละ 60 เด็กชนบทไม่ได้รับอาหารกลางวัน เด็กกลุ่มเปราะบางมีแนวโน้มไม่ได้เรียนต่อ ส่วนผลกระทบต่อผู้ปกครองนั้น ไม่สามารถดูแลเด็กได้เต็มที่ ครอบครัวไม่พร้อมต่อการเรียนออนไลน์ และ สำหรับผลกระทบต่อครูหรือโรงเรียน พบว่า ครูมีความเครียดมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มกับระบบการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไป จากปัญหาที่พบจึงควรยึดปฏิบัติ ตาม 6 มาตรการหลัก และ 6 มาตรการเสริม เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยทางด้านร่างกายและจิตใจทั้งต่อผู้ปกครอง บุคลากรการศึกษา และเด็กนักเรียน เพื่อสุขอนามัยส่วนรวมและห่างไกลจากโควิด-19
กรมอนามัย
|